เมนู

กถาว่าด้วยอบายมุข 6



[178] อริยสาวกไม่เสพทางเสื่อมแห่งโภคะทั้งหลาย เป็นไฉน
ดูก่อนคฤหบดีบุตร การเสพน้ำเมา คือสุราเมรัยอันเป็นที่ตั้งแห่งความ
ประมาท เป็นทางเสื่อมแห่งโภคะทั้งหลายประการ 1 การเที่ยวไปในตรอก
ต่าง ๆ ในเวลากลางคืน เป็นทางเสื่อมแห่งโภคะทั้งหลายประการ การ
เที่ยวดูมหรสพเป็นทางเสื่อมแห่งโภคะทั้งหลายประการ 1 การเล่นการพนัน
อันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาทเป็นทางเสื่อมแห่งโภคะทั้งหลายประการ 1
การคบคนชั่วเป็นมิตร เป็นทางเสื่อมแห่งโภคะทั้งหลายประการ 1 ความ
เกียจคร้าน เป็นทางเสื่อมแห่งโภคะทั้งหลายประการ 1
[179] ดูก่อนคฤหบดีบุตร โทษในการเสพน้ำเมา คือสุรา
และเมรัย อันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท 6 ประการ คือ 2 ความเสื่อทรัพย์
อันผู้เสพพึงเห็นเอง 1 ก่อการทะเลาะวิวาท 1 เป็นบ่อเกิดแห่งโรค 1
เป็นเหตุเสียชื่อเสียง 1 เป็นเหตุไม่รู้จักอาย 1 เป็นเหตุทอนกำลังปัญญา 1
ดูก่อนคฤหบดีบุตร โทษ 6 ประการในการเสพน้ำเมา คือสุราและเมรัย
อันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาทเหล่านี้แล
[180] ดูก่อนคฤหบดีบุตร โทษในกามเที่ยวไปในตรอกต่าง ๆ
ในเวลากลางคืน 6 ประการ คือ ชื่อว่าไม่คุ้มครอง ไม่รักษาตัว 1 ชื่อว่า
ไม่คุ้มครอง ไม่รักษาบุตรภรรยา 1 ชื่อว่าไม่คุ้มครอง ไม่รักษาทรัพย์
สมบัติ 1 เป็นที่ระแวงของคนอื่น 1 คำพูดอันไม่เป็นจริงในที่นั้น ๆ ย่อม
ปรากฏในผู้นั้น 1 ทำให้เกิดความลำบากมาก 1 ดูก่อนคฤหบดีบุตร โทษ

6 ประการในการเที่ยวไปในตรอกต่าง ๆ ในเวลากลางคืนเหล่านี้แล
[181] ดูก่อนคฤหบดีบุตร โทษในการเที่ยวดูมหรสพ 6 ประ
การ คือ รำที่ไหนไปที่นั่น 1 ขับร้องที่ไหนไปที่นั้น 1 ประโคมที่ไหน
ไปที่นั้น 1 เสภาที่ไหนไปที่นั้น เพลงที่ไหนไปที่นั้น 1 เถิดเทิงที่ไหน
ไปที่นั้น 1 ดูก่อนคฤหบดีบุตร โทษ 6 ประการในการเที่ยวดูมหรสพ
เหล่านี้แล
[182] ดูก่อนคฤหบดีบุตร โทษในการเล่นการพนัน อันเป็น
ที่ตั้งแห่งความประมาท 6 ประการ คือ ผู้ชนะย่อมก่อเวร 1 ผู้แพ้ย่อม
เสียดายทรัพย์ที่เสียไป 1 ความเสื่อมทรัพย์ในปัจจุบัน 1 ถ้อยคำของคน
เล่นการพนัน ซึ่งไปพูดที่ประชุมฟังไม่ขึ้น 1 ถูกมิตรอำมาตย์หมิ่นประมาท 1
ไม่มีใครประสงค์จะแต่งงานด้วย เพราะเห็นว่าชายนักเลงเล่นการพนันไม่
สามารถจะเลี้ยงภรรยา 1 ดูก่อนคฤหบดีบุตร โทษ 6 ประการในการเล่น
การพนันอันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาทเหล่านี้แล
[183] ดูก่อนคฤหบดีบุตร โทษในการคบคนชั่วเป็นมิจร 6
ประการ คือ นำให้เป็นนักเลงการพนัน นำให้เป็นนักเลงเจ้าชู้ 1
นำให้เป็นนักเลงเหล้า 1 นำให้เป็นคนลวงผู้อื่นด้วยของปลอม 1 นำให้
เป็นคนโกงเขาซึ่งหน้า 1 นำให้เป็นคนหัวไม้ 1 ดูก่อนคฤหบดีบุตร โทษ
6 ประการในการคบคนชั่วเป็นมิตรเหล่านี้แล
[184] ดูก่อนคฤหบดีบุตร โทษในการเกียจคร้าน 6 ประการ
คือ มักให้อ้างว่าหนาวนักแล้วไม่ทำการงาน 1 มักให้อ้างว่าร้อนนักแล้ว

ไม่ทำการงาน 1 มักให้อ้างว่าเย็นแล้ว แล้วไม่ทำการงาน 1 มักให้อ้างว่า
ยังเข้าอยู่ แล้วไม่ทำการงาน มักให้อ้างว่าหิวนักแล้วไม่ทำการงาน 1 มัก
ให้อ้างว่ากระหายนัก แล้วไม่ทำการงาน 1 เมื่อเขามากไปด้วยการอ้างเลศ
ผัดเพี้ยนการงานอยู่อย่างนี้ โภคะที่ยังไม่เกิดก็ไม่เกิดขึ้น ที่เกิดขึ้นแล้ว
ก็ถึงความเสื่อมสิ้นไป. ดูก่อนคฤหบดีบุตร โทษ 6 ประการในการเกียจ
คร้านเหล่านี้แล. พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้สุคตศาสดา ครั้นตรัสไวยากรณ์
ภาษิตนี้แล้ว จึงได้ตรัสคาถาประพันธ์ต่อไปอีกว่า
[185] เพื่อนในโรงสุราก็มี เพื่อนกล่าวแต่ปาก
ว่าเพื่อน ๆ ก็มี ส่วนผู้ใดเป็นสหาย เมื่อความ
ต้องการเกิดขึ้นแล้ว ผู้นั้นจัดว่าเป็นเพื่อแท้.
เหตุ 6 ประการเหล่านี้คือ การนอนสาย 1
การเสพภรรยาผู้อื่น 1 การผูกเวร 1 ความเป็นผู้
ทำแต่สิ่งหาประโยชน์มิได้ 1 มิตรชั่ว 1 ความ
เป็นผู้ตระหนี่เหนี่ยวแน่น 1 ย่อมกำจัดบุรุษ
เสียจากประโยชน์สุขที่จะพึงได้ พึงถึง.
คนมีมิตรชั่วมีมารยาทและโคจรชั่ว ย่อม
เสื่อมจากโลกทั้งสองคือ จากโลกนี้และจาก
โลกหน้า.
เหตุ 6 ประการ คือ การพนันและหญิง 1

สุรา 1 ฟ้อนรำขับร้อง 1 นอนหลับในกลางวัน
บำเรอตนในสมัยมิใช่กาล 1 มิตรชั่ว 1 ความ
ตระหนี่เหนียวแน่น 1 เหล่านี้ย่อมกำจัดบุรุษ
เสียจากประโยชน์ที่จะพึงได้ พึงถึง.
ชนเหล่าใดเล่นการพนัน ดื่มสุรา เสพหญิง
ภรรยาที่รักเสมอด้วยชีวิตของผู้อื่น คบแต่คน
ต่ำช้า และไม่คบหาคนที่มีความเจริญ ย่อม
เสื่อมดุจดวงจันทร์ในข้างแรม ผู้ใดดื่มสุรา
ไม่มีทรัพย์ หาการงานทำเลี้ยงชีวิตมิได้ เป็น
คนขี้เมาปราศจากสิ่งเป็นประโยชน์ เขาจักจม
ลงสู่หนี้เหมือนก้อนหินจมน้ำฉะนั้น จักทำ
ความอากูลแก่ตนทันที.
คนที่ปกตินอนหลับในกลางวัน เกลียด-
ชังการลุกขึ้นในกลางคืน เป็นนักเลงขี้เมา
เป็นนิจไม่อาจครอบครองเรือนให้ดีได้ ประ-
โยชน์ทั้งหลาย ย่อมล่วงเลย ชายหนุ่มที่
ละทิ้งการงาน ด้วยอ้างว่าหนาวนัก ร้อนนัก
เวลานี้เย็นเสียแล้วดังนี้เป็นต้น ส่วนผู้ใดไม่
สำคัญความหนาว ความร้อน ยิ่งไปกว่าหญ้า
ทำกิจของบุรุษอยู่ ผู้นั้นย่อมไม่เสื่อมจาก
ความสุข ดังนี้.

กถาว่าด้วยมิตรเทียม



[186] ดูก่อนคฤหบดีบุตร คน 4 จำพวกเหล่านี้ คือ คน
ปอกลอก 1 คนดีแต่พูด 1 คนหัวประจบ 1 คนชักชวนในทางฉิบหาย 1
ท่านพึงทราบว่าไม่ใช่มิตร เป็นแต่คนเทียมมิตร.
[187] ดูก่อนคฤหบดีบุตร คนปอกลอกท่านพึงทราบว่าไม่ใช่มิตร
เป็นแต่คนเทียมมิตรโดยสถาน 4 คือ เป็นคนติดเอาแต่ได้ฝ่ายเดียว 1
เสียให้น้อยคิดเอาให้ได้มาก 1 ไม่รับทำกิจของเพื่อนในคราวมีภัย 1 คบ
เพื่อนเพราะเห็นแก่ประโยชน์ของตัว 1. คฤหบดีบุตร คนปอกลอกท่าน
พึงทราบว่าไม่ใช่มิตร เป็นแต่คนเทียมมิตร โดยสถาน 4 เหล่านี้แล.
[188] ดูก่อนคฤหบดีบุตร คนดีแต่พูด ท่านพึงทราบว่าไม่ใช่มิตร
แต่เป็นคนเทียมมิตร โดยสถาน 4 คือ เก็บเอาของล่วงแล้วมาปราศรัย 1
อ้างเอาของที่ยังไม่มาถึงมาปราศรัย 1 สงเคราะห์ด้วยสิ่งหาประโยชน์มิได้ 1
เมื่อกิจเกิดขึ้นแสดงความขัดข้อง ( ออกปากพึ่งมิได้ ) 1. ดูก่อนคฤหบดีบุตร
คนดีแต่พูดท่านพึงทราบว่า ไม่ใช่มิตร เป็นแต่คนเทียมมิตร โดยสถาน
4 เหล่านี้แล.
[189] ดูก่อนคฤหบดีบุตร คนหัวประจบ ท่านพึงทราบว่าไม่ใช่
มิตร เป็นแต่คนเทียมมิตร โดยสถาน 4 คือ ตามใจเพื่อน ให้ทำความชั่ว
(จะทำชั่วก็คล้อยตาม) 1 ตามใจเพื่อนให้ทำความดี (จะทำดีก็คล้อยตาม)
ต่อหน้าก็สรรเสริญ 1 ลับหลังนินทา 1. ดูก่อนคฤหบดีบุตร คนหัวประจบ
ท่านพึงทราบว่าไม่ใช่มิตร เป็นแต่คนเทียมมิตร โดยสถาน 4 เหล่านี้แล.